ข่าวและกิจกรรม
เบื้องหลัง BBSmartcar ผู้ปฏิวัติวงการเต็นท์รถมือสองของไทย กับยอดขายเฉียด 5,000 คัน - MarketThink

เชื่อไหมว่ามีธุรกิจเต็นท์รถมือสองในประเทศไทยที่สามารถขายรถยนต์ได้ปีละ 4,000 คันอยู่ด้วย
ซึ่งจำนวนขนาดนี้ ถ้าคิดดี ๆ อาจจะมากกว่า หรือพอ ๆ กับแบรนด์รถยนต์ขนาดเล็ก ๆ เลยด้วยซ้ำ
เต็นท์นี้ชื่อว่า “BBSmartcar” เป็นผู้นำเรื่องธุรกิจรถยนต์มือสองของไทย ทำธุรกิจมาแล้วกว่า 20 ปี
แต่กระแสก็ยังดีอย่างต่อเนื่อง
โดยปี 2567 ที่ผ่านมา BBSmartcar เพิ่งทำยอดขายระดับ All Time High ไปที่ 4,900 คัน สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา จนสามารถคว้ารางวัล “SMEs Awards” ได้ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานใหม่ ๆ ของธุรกิจรถยนต์มือสองเลย
แล้วอะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จระดับ All Time High ของ BBSmartcar ? ในบทความนี้ MarketThink จะสรุปให้ฟัง
BBSmartcar เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี 2544 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว โดย ดร.โชติวัฒน์ สฤษดิ์เวชวรกุล
ที่ได้นำองค์ความรู้จากบริษัทรถยนต์มือสองของคุณพ่อ “CHANCHAI 14”
มาต่อยอดด้วยแนวคิดที่ว่าต้องการยกระดับมาตรฐานธุรกิจรถยนต์มือสองให้ดีขึ้น
เพราะปัจจุบันสภาพตลาดรถยนต์มือสองไม่ได้มีแค่ผู้เล่นที่เป็นเต็นท์รถมือสองเพียงอย่างเดียวแบบเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ยังมีแพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์ ทั้งรายเล็กและรายใหญ่เข้ามาแข่งด้วยเยอะ
ดังนั้นในมุมของ BBSmartcar ถ้ายังเป็นเต็นท์ที่รับซื้อ-ขายรถยนต์มือสองแบบปกติก็คงไม่ได้
ต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้แตกต่างจากคู่แข่งให้ได้.. คำถามคือแล้ว BBSmartcar ทำอย่างไร ?
ต้องบอกว่าแม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ Pain Point หลัก ๆ ของคนซื้อรถยนต์มือสองก็ยังเหมือนเดิม
คือส่วนใหญ่แล้ว ลูกค้าจะกังวลเรื่องของสภาพรถยนต์มือสองว่าซื้อไปแล้วอาจโดนย้อมแมวเอารถคุณภาพไม่ดีมาขาย ถ้าซื้อรถพวกนี้ไปก็เสี่ยงจะเสียค่าซ่อมเยอะ หรือดีไม่ดีอาจจะต้องเปลี่ยนคันใหม่
ซึ่ง Pain Point ตรงนี้ไม่ว่าจะรถยนต์มือสองซื้อผ่านเต็นท์รถหรือแพลตฟอร์มไหน ๆ ก็มีความเสี่ยง
พอ ๆ กันหมด
BBSmartcar เลือกที่จะแก้ปัญหานี้ ด้วยการเลือกซื้อเฉพาะรถยนต์มือสองที่ไม่มีประวัติชนหนัก (รถยนต์เกรด A) เข้ามาในเต็นท์เท่านั้น พอลูกค้าสนใจก็จะให้คำแนะนำแบบจริงใจ คือบอกลูกค้าตรง ๆ ว่ารถยนต์สภาพเป็นอย่างไรแบบไม่โกหก
โดยรถยนต์มือสองเกรด A ทุกคันที่ BBSmartcar รับซื้อเข้ามา จะถูกเอามาตรวจสอบ
อย่างละเอียดพร้อมกับเปลี่ยนอะไหล่ให้ได้ตามมาตรฐาน
ที่เจ๋งคือ BBSmartcar จะมีการให้บริษัท Third-Party เข้ามาตรวจสอบคุณภาพ
ของรถยนต์มือสองทุกคันอีกรอบหนึ่งด้วย
ซึ่งคนที่จะเข้ามารับหน้าที่นี้ ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่เป็น “Goo Inspection” บริษัทตรวจสอบสภาพรถยนต์ชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่น
โดย Goo Inspection จะส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบสภาพรถยนต์มือสองมากถึง 344 จุด
โดยที่ระหว่างตรวจสอบ ทาง BBSmartcar จะไม่มีสิทธิ์เข้าไปกำกับควบคุมการทำงานได้เลย
ถ้ารถยนต์ผ่านการตรวจสอบ ก็จะได้รับใบรับประกันคุณภาพจาก Goo Inspection
แต่ถ้ามีจุดไหนไม่ผ่านเกณฑ์ ก็คือจะไม่ผ่านแบบตรงไปตรงมา
ทำให้ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์กับ BBSmartcar จะมั่นใจได้เลยว่าจะได้รถที่ดี มีคุณภาพ
พร้อมขับต่อได้อีกยาว ๆ
นอกจากนี้ที่ BBSmartcar ยังมีอีกกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ก็คือการยกระดับ Customer Journey
ของลูกค้าแบบ “Offline to Online” สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าแบบไร้รอยต่อ เริ่มตั้งแต่
1. การค้นหารถ
BBSmartcar พัฒนาช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้าสามารถดูรถยนต์ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์
โดยที่หน้าเว็บไซต์ BBSmartcar จะมีรายละเอียดของรถยนต์ระบุไว้ชัดเจน เช่น ไมล์, โฉมรถ, ราคา, สเปก, ตารางผ่อน ตลอดจนของประวัติรถคันนั้นๆ ตั้งแต่ศูนย์แรกที่ออกรถ, ประวัติการเข้าศูนย์, รายละเอียดของยางรถ, ข้อมูลด้านกุญแจสำรอง และอื่นๆอีกมากมาย
BBSmartcar ยังมีการถ่ายภาพรถยนต์ และวิดีโอของรถยนต์ทุกคันในสตูดิโอขนาดใหญ่ พร้อมระบบแสงแบบจัดเต็มจนสามารถเห็นรถยนต์ในอัตราส่วน 1:1 ได้
ซึ่งลูกค้าสามารถชมวิดีโอที่ทาง BBSmartcar จัดทำไว้เพื่อให้ลูกค้าสามารถชมทั้งภายในและภายนอกได้แบบชัด ๆ เหมือนมาดูด้วยตาตัวเอง ช่วยสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าว่า จะได้รถยนต์สวย ๆ ตรงปกแน่นอน
นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังมีการทำไลฟ์โปรโมตแบรนด์บน TikTok เพื่อสร้างการรับรู้ให้ลูกค้าด้วย..
2. การนัดหมายดูรถ และทดลองขับ
เมื่อลูกค้าได้รถยนต์ที่สนใจแล้ว ก็สามารถนัดเพื่อดูรถได้ง่าย ๆ ผ่านบนเว็บไซต์
โดยกรอกรายละเอียดต่าง ๆ ให้ครบ แล้วรอให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
โดยลูกค้าที่เข้ามาดูรถหน้าสาขา BBSmartcar จะมีบริการนำรถเข้า “อุโมงค์ไฟอัจฉริยะ”
ช่วยให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดของตัวรถได้แบบชัดเจนมาก ๆ
สมมติว่าตัวรถมีรอยบุบเล็ก ๆ หรือมีรอยสีไม่เท่ากัน แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องรถก็จะสามารถเห็นได้ง่ายมากถ้าอยู่ในอุโมงค์นี้ และถ้าลูกค้าสนใจก็สามารถสอบถามเพื่อขอทดลองขับก่อนตัดสินใจซื้อได้ด้วย
3. การชำระเงินและบริการหลังการขาย
BBSmartcar รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบ ทั้งแบบเงินสด แบบบัตรเครดิต พร้อมทีมงานคอยจัดการเรื่องเอกสารที่ซับซ้อนให้ฟรี ๆ ทุกขั้นตอน
และหลังจากซื้อรถ BBSmartcar ก็จะมีบริการหลังการขายให้ด้วย เช่น การรับประกัน
เครื่องยนต์, เกียร์ และกล่อง ECU ให้นานสูงสุด 1 ปี
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนน่าจะเห็นภาพแล้วว่า ทำไม BBSmartcar ถึงสามารถยืนระยะ
และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ได้นานกว่า 20 ปี
ทั้ง ๆ ที่ธุรกิจนี้มีคู่แข่งเยอะมาก ๆ ทั้งจากเต็นท์รถมือสองด้วยกันเอง รวมถึงแพลตฟอร์มต่าง ๆ
ที่เข้ามาใหม่ตลอดเวลา
โดยปัจจุบัน BBSmartcar มีสาขาทั้งหมด 6 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ และโซนรอบ ๆ
พร้อมช่องทางเว็บไซต์ และมีรถยนต์มือสองให้ลูกค้าเลือกซื้อมากกว่า 1,600 คัน
ที่เจ๋งก็คือตอนนี้ BBSmartcar มีการขยายกลุ่มเป้าหมายออกไปแทบจะครบทุก Segment
มีทั้ง รถกระบะ, Eco Car, City Car ไปจนถึง Supercar
ให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงรถยนต์คุณภาพดีราคาถูกได้ เหมือนกับ Tagline ของแบรนด์ที่ว่า
“เติมเต็มทุกฝัน คุ้มค่าทุกคัน”
สุดท้ายนี้.. สำหรับใครที่สนใจอยากรู้จัก BBSmartcar มากกว่านี้ ก็สามารถเข้าไปดูได้เลยที่เว็บไซต์
https://www.bbsmartcar.com/web-php/index.php/site/home
#BBSmartcar
#รถยนต์มือสอง
อ้างอิง
- ข้อมูลจาก BBSmartcar
รีวิวจาก Google































